การ
ป้องกันหรือการเล่นเกมรับในกีฬาวอลเลย์บอลนั้นประกอบไปด้วย
การสกัดกั้นและการตั้งรับ เป็นยุทธวิธีที่สำคัญอย่างหนึ่งในการแข่งขัน
ทีมที่มีเกมรับที่ดีมีโอกาสประสบความสำเร็จในการแข่งขันสูง
ในการแข่งขันประเภททีมหญิงเรามักพบว่าทีมที่มีเกมรับดีเหนียวแน่น
มักจะได้รับชัยชนะส่วนประเภททีมชายที่มีการรุกการตบบอลที่รุนแรง
การสกัดกั้นจึงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับทีมที่จะประสบความสำเร็จ
อย่างไรก็ตามเกมรับที่ดีต้องประกอบด้วยการสกัดกั้นและการตั้งรับควบคู่กัน
เกม
รับเป็นการทำงานประสานกันระหว่างการสกัดกั้นและการตั้งรับ
เกมรับจะประสบคามสำเร็จได้นั้นเป็นผลมาจากการฝึกซ้อมอย่างดี
โดยต้องมีการเก็บข้อมูล (Scouting) วิเคราะห์
ข้อมูลทั้งในส่วนของทีมและคู่ต่อสู้อย่างเป็นระบบเช่นข้อมูลการวางตำแหน่ง
ผู้เล่น 6 คนแรก จุดแข็ง จุดอ่อน รูปแบบการเล่นของคู่แข่ง
ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะช่วยเราในการพัฒนาเกมรับ
(จำเป็นมากในการแข่งขันของทีมระดับสูง)
เป้าหมายของการป้องกัน
1. รักษาเกมเสริฟของทีม
2. ยับยั้งการรุกของคู่ต่อสู้ไม่ให้ประสบความสำเร็จ
3. สามารถเปลี่ยนจากการตั้งรับเป็นการรุกโต้กลับ
2. ยับยั้งการรุกของคู่ต่อสู้ไม่ให้ประสบความสำเร็จ
3. สามารถเปลี่ยนจากการตั้งรับเป็นการรุกโต้กลับ
การเก็บข้อมูลและวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อพัฒนาเกมรับ
การเก็บข้อมูลวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อพัฒนาเกมรับของทีมควรจะทำทั้ง 2 ฝ่ายคือทีมเราเองและฝ่ายคู่ต่อสู้
วิเคราะห์ข้อมูลของทีม
ข้อมูลด้านต่างๆ ของทีมเราเองที่ผู้ฝึกสอนควรนำมาพิจารณาคือ
1. เทคนิค กลยุทธ์ ทักษะและความสามารถในการสกัดกั้นและการรับของนักกีฬาในทีม
2. ตำแหน่งผู้เล่น 6 คนแรกของทีม และตำแหน่งในแต่ละรอบ ทั้ง 6 ตำแหน่ง
3. ระบบการรุกของทีมเพื่อใช้ฝึกซ้อมการสกัดกั้นและการตั้งรับ (แม้ว่ารูปแบบการรุกบางอย่างทีมของเราไม่ได้ใช้ แต่จำเป็นต้องฝึกซ้อม เพราะคู่แข่งอาจจะมีรูปแบบการรุกไม่เหมือนทีมเราเอง)
4. ทักษะการเล่นของผู้เล่นสกัดกั้นตัวกลาง (ผู้เล่นตำแหน่งนี้มีส่วนสำคัญในการสกัดกั้น) ผู้เล่นตัวรับอิสระ (มีส่วนสำคัญในการรับ)
2. ตำแหน่งผู้เล่น 6 คนแรกของทีม และตำแหน่งในแต่ละรอบ ทั้ง 6 ตำแหน่ง
3. ระบบการรุกของทีมเพื่อใช้ฝึกซ้อมการสกัดกั้นและการตั้งรับ (แม้ว่ารูปแบบการรุกบางอย่างทีมของเราไม่ได้ใช้ แต่จำเป็นต้องฝึกซ้อม เพราะคู่แข่งอาจจะมีรูปแบบการรุกไม่เหมือนทีมเราเอง)
4. ทักษะการเล่นของผู้เล่นสกัดกั้นตัวกลาง (ผู้เล่นตำแหน่งนี้มีส่วนสำคัญในการสกัดกั้น) ผู้เล่นตัวรับอิสระ (มีส่วนสำคัญในการรับ)
วิเคราะห์ข้อมูลคู่แข่ง
การเก็บข้อมูลและวิเคราะห์ข้อมูลของคู่แข่งมีจุดต่าง ๆ ที่ต้องพิจารณาดังนี้
1. จุดแข็งจุดอ่อนในการรับลูกเสริฟแต่ละตำแหน่ง ผู้เล่นตัวรับอิสระ รวมทั้งความสามารถในการเปลี่ยนเกมรับเป็นเกมรุก
2. การเซต โดยวิเคราะห์ในส่วนต่างๆ คือ
2. การเซต โดยวิเคราะห์ในส่วนต่างๆ คือ
2.1 ผู้เล่นตัวเซตมีการเล่นจังหวะ 2 หรือไม่ ถ้ามีมักจะเล่นในสถานการณ์ใด
2.2 การเปลี่ยนตำแหน่งของตัวเซตเป็นอย่างไร
2.3 ลักษณะการเซตเพื่อให้ผู้เล่นตบบอลเร็วตบเป็นอย่างไร
2.2 การเปลี่ยนตำแหน่งของตัวเซตเป็นอย่างไร
2.3 ลักษณะการเซตเพื่อให้ผู้เล่นตบบอลเร็วตบเป็นอย่างไร
เช่น กระโดดเซต ยืนเซต หรือจะเซตให้บอลเร็วเมื่อบอลแรกเข้าจุด
2.4 เมื่อสถานการณ์เกมสำคัญ ตัวเซตจะเซตบอลไปให้ใครตบ
2.4 เมื่อสถานการณ์เกมสำคัญ ตัวเซตจะเซตบอลไปให้ใครตบ
เมื่อสถานการณ์เกมกดดัน หรือเข้าสู่ช่วงสำคัญโดยส่วนใหญ่ตัวเซตมักจะมีเป้าหมายประจำตัวอยู่แล้ว
2.5 เมื่อการรับลูกเสริฟเข้าจุด ตัวเซตมักเซตบอลลักษณะใด ในสถานการณ์ปกติ
2.5 เมื่อการรับลูกเสริฟเข้าจุด ตัวเซตมักเซตบอลลักษณะใด ในสถานการณ์ปกติ
ลักษณะเฉพาะของแต่ละทีมจะต่างกัน เช่น บางทีมเมื่อรับลูกเสริฟเข้าจุดมักจะรุกด้วยบอลเร็วเสมอ
2.6 เมื่อสถานการณ์สำคัญๆ ตัวเซตมีการเซตให้ผู้เล่นบอลเร็วตบหรือไม่
2.6 เมื่อสถานการณ์สำคัญๆ ตัวเซตมีการเซตให้ผู้เล่นบอลเร็วตบหรือไม่
การรุกด้วยบอลเร็วมีโอกาสผิดพลาดง่ายหากความสัมพันธ์ระหว่างตัวเซตและตัวตบไม่ดี
2.7 ตัวเซตเซตบอลให้ตัวตบที่เพิ่งจะตบเสียหรือไม่ในลูกต่อไป
2.8 คู่แข่งมีการรุกแบบผสม (Combination Attack) หรือไม่ อย่างไร
2.7 ตัวเซตเซตบอลให้ตัวตบที่เพิ่งจะตบเสียหรือไม่ในลูกต่อไป
2.8 คู่แข่งมีการรุกแบบผสม (Combination Attack) หรือไม่ อย่างไร
การรุกแบบผสมนั้นตัวเซตจะเล่นในสถานการณ์ใด เช่น สถานการณ์สำคัญ สถานการณ์ที่ไม่กดดัน
2.9 ความแตกต่างของการเซต
เช่น กระโดดเซตหรือยืนเซตจะเซตๆ ให้ใคร ลักษณะท่าท่าทางการเซตจะเซตลูกใด
3. ประสิทธิภาพและความถี่และทิศทางการรุกของผู้เล่นตัวรุก
ต้องพิจารณาทั้ง 6 ตำแหน่ง โดยศึกษาข้อมูลต่างๆ เหล่านี้คือ
3.1 ในแต่ละรอบผู้เล่นตัวตบหลักคือใคร (ตัวเซต ๆ บอลให้ใครมากที่สุด)
3.2 ในแต่ละรอบมีการรุกแบบผสมหรือไม่ อย่างไร
3.3 การยืนรับลูกเสริฟมีการใช้การยืนหลอกหรือไม่
3.4 มีผู้เล่นที่รุกแบบผสมผสานกี่คน
3.5 รูปแบบการรุกแบบผสมผสานมีความแตกต่างกันหรือไม่เมื่อตัวเซตอยู่แดนหน้าและแดหลัง
3.2 ในแต่ละรอบมีการรุกแบบผสมหรือไม่ อย่างไร
3.3 การยืนรับลูกเสริฟมีการใช้การยืนหลอกหรือไม่
3.4 มีผู้เล่นที่รุกแบบผสมผสานกี่คน
3.5 รูปแบบการรุกแบบผสมผสานมีความแตกต่างกันหรือไม่เมื่อตัวเซตอยู่แดนหน้าและแดหลัง
4. วิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างผู้เล่นตบบอลเร็วกับผู้เล่นตัวเซต
การ
วิเคราะห์ศึกษาดูความสัมพันธ์ในการเล่น
ตัวเซตสามารถเซตให้ผู้เล่นบอลเร็วตบได้อย่างมีประสิทธิภาพหรือไม่อย่างไร
เพื่อได้ข้อมูลซึ่งจะช่วยให้ผู้เล่นในแนวสกัดกั้นทำงานได้ง่ายขึ้น
โดยศึกษาในส่วนต่างๆ เหล่านี้
4.1 การรุกด้วยบอลเร็วเป็นการใช้เพื่อการหลอกหรือการรุกจริง
4.2 จังหวะการเซตให้ผู้เล่นบอลเร็วตบมีความแตกต่างกันอย่างไร
4.3 ทิศทางหลักๆ ในการตบของผู้เล่นตบบอลเร็ว
4.4 ผู้เล่นบอลเร็วใช้การหยอดหรือไม่
4.5 เมื่อลูกบอลไม่เข้าจุด ตัวเซตมีการเซตให้บอลเร็วตบหรือไม่
4.2 จังหวะการเซตให้ผู้เล่นบอลเร็วตบมีความแตกต่างกันอย่างไร
4.3 ทิศทางหลักๆ ในการตบของผู้เล่นตบบอลเร็ว
4.4 ผู้เล่นบอลเร็วใช้การหยอดหรือไม่
4.5 เมื่อลูกบอลไม่เข้าจุด ตัวเซตมีการเซตให้บอลเร็วตบหรือไม่
5. ศึกษาลักษณะการรุกของผู้เล่นตัวตบบอลหลัก
ผู้เล่นตบบอลหลักเป็นผู้เล่นที่มีปริมาณการตบบอลมากที่สุด เราควรศึกษาการเล่นของตัวตบบอลหลักในรายละเอียดดังต่อไปนี้
5.1 ความสามารถในการตบเมื่อต้องเป็นส่วนหนึ่งในการรับลูกเสริฟ (ถอยไปรับลูกเสริฟ)
5.2 เมื่อต้องเป็นส่วนหนึ่งในการรับลูกเสริฟ สามารถเล่นการรุกแบบผสมได้หรือไม่
5.3 เมื่อต้องเป็นส่วนหนึ่งในการรับลูกเสริฟ ความสามารถในการตบเมื่อมีการสกัดกั้น 2 คนเป็นอย่างไร
5.4 ทิศทางการตบบอลของผู้เล่นตบบอลหลัก
5.5 ลักษณะของบอลที่ตบ ตบลงใกล้เส้นรุกหรือท้ายสนาม
5.6 ลักษณะการเคลื่อนที่เข้าตบ แบบตรงๆ หรือหลอกเปลี่ยนทิศทาง
5.7 ลักษณะการใช้แขนการใช้ข้อมือ
5.8 ลักษณะบอลที่ชอบ เช่น สูง ต่ำ พุ่ง หรือช้า
5.9 สามารถตบบอลเหนือการสกัดกั้นได้หรือไม่
5.2 เมื่อต้องเป็นส่วนหนึ่งในการรับลูกเสริฟ สามารถเล่นการรุกแบบผสมได้หรือไม่
5.3 เมื่อต้องเป็นส่วนหนึ่งในการรับลูกเสริฟ ความสามารถในการตบเมื่อมีการสกัดกั้น 2 คนเป็นอย่างไร
5.4 ทิศทางการตบบอลของผู้เล่นตบบอลหลัก
5.5 ลักษณะของบอลที่ตบ ตบลงใกล้เส้นรุกหรือท้ายสนาม
5.6 ลักษณะการเคลื่อนที่เข้าตบ แบบตรงๆ หรือหลอกเปลี่ยนทิศทาง
5.7 ลักษณะการใช้แขนการใช้ข้อมือ
5.8 ลักษณะบอลที่ชอบ เช่น สูง ต่ำ พุ่ง หรือช้า
5.9 สามารถตบบอลเหนือการสกัดกั้นได้หรือไม่
ข้อมูล
ต่างๆ ดังที่ได้กล่าวมานี้ มีผลต่อการพัฒนาเกมรับของทีม
ตัวอย่างเช่นข้อมูลความสัมพันธ์ระหว่างตัวเซตกับผู้เล่นตบบอลเร็วของคู่
ต่อสู้ มีผลต่อการสกัดกั้นของผู้เล่นตำแหน่งกลางหน้า
และการตั้งรับของผู้เล่นแดนหลังในตำแหน่ง 1 และตำแหน่ง 5 เป็นต้น
ข้อมูลบางส่วนจาก : Handbook for Competitive Volleyball